skip to main
|
skip to sidebar
วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2550
ภาพถ่ายเอกเทคโนโลยีการศึกษา
ชมได้ที่
มหาวิทยา
ลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง
ห
น้า
อาคาร7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รูปปัจจุบัน
คนนี้ที่หัวใจบอกยอม
ภาพคนไม่มีแฟนหนุ่มเมืองส.ส
สวัสดีที่ได้รู้จักคับ
เกี่ยวกับฉัน
นายบุญเสริม จิตต์คงไทย
สมุทรสงคราม
ชอบคนหน้ารักนิสัยดีเบอร์โทรศัพ08-11947201 ยังไม่มีแฟนช่วยมารักที
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน
สมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดและมีที่เที่ยวที่สวยงาม
สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึง หากใครชอบการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั่งเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการทำสวนผักผลไม้ การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว หรือ เที่ยวชมตลาดน้ำท่าคาที่ยังคงสภาพตลาดนัดแบบชาวบ้านชาวสวนของชุมชนริมคลอง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นจังหวัดที่น่าไปเยี่ยมเยือน
สำหรับผู้สนใจการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
เมืองสมุทรสงครามสร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เดิมเข้าใจว่าเป็นแขวงหนึ่งของราชบุรี เรียกว่า “สวนนอก” ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี จึงแยกจากราชบุรี เรียกว่า “เมืองแม่กลอง ”
สมุทรสงครามมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พม่าส่งกองทัพผ่านเข้ามาถึงบริเวณตำบลบางกุ้ง พระเจ้าตากสินมหาราชทรงรวบรวมผู้คนสร้างค่ายป้องกันทัพพม่าจนข้าศึกพ่ายแพ้ไป ณ บริเวณค่ายบางกุ้ง นับเป็นการป้องกันการรุกรานของพม่าเข้ามายังไทยครั้งสำคัญในช่วงเวลานั้น
จังหวัดสมุทรสงครามอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 72 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 416 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที
ตลาดน้ำอัมพวา..น่าเที่ยวมากๆดูได้จากเว็บ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=bbt&date=13-03-2007&group=6&gblog=11
ความรู้เกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
.
. ไวรัส ก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่เกิดจากนักเขียนโปรแกรมที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาใน
เชิงทำลายนั่นเอง ซึ่งโปรแกรมที่ทำงานในเชิงทำลายและสามารถแพร่กระจายติดไปเครื่องอื่นได้นั้น เราเรียกกันว่า ไวรัส ตัวอย่างเช่น เพื่อนส่งไฟล์ข้อมูลเอกสาร ไฟล์โปรแกรม อีเมล์หรือเกมส์ที่มีไวรัสติดอยู่ (ซึ่งเขาเองอาจไม่ตั้งใจหรือไม่ทราบว่าไฟล์นั้นมีไวรัส) หลังจากที่เราเปิดไฟล์แล้ว หากไม่มีระบบป้องกันใดๆ
ไวรัสนั้นนั้นก็จะก๊อปปี้ตัวเอง แล้วทำการฝังตัวฝากไว้ที่เครื่องของเราทันที่ และเมื่อเราส่งไฟล์ข้อมูลให้ผู้อื่นอีกไวรัสก็จะกระจายติดต่อไปเครื่องอื่นอีกด้วยในลักษณะเดียวกัน
สรุปอาการโดยทั่วไปที่พบเมื่อไวรัสลงคอมพิวเตอร์มีดังนี้
เครื่องจะทำงานช้าลง โดยเราจะรู้สึกว่าอืด เครื่องจะทำงานช้ากว่าที่เคยเป็น
มีไฟล์เกิดขึ้นมากมายและกินเนื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่เกิดจากไวัรัสขยายไฟล์ข้อมูลให้โตขึ้นนั่นเอง
หน้าจอมีข้อความหรือรูปภาพแปลกปลอมปรากฏจากที่ไม่เคยมีมาก่อน
บางโปรแกรม หรือไฟล์ข้อมูลบางไฟล์เสียหายจนเรียกเปิดไม่ได้
บางโปรแกรมทำงานเพี้ยนไปจากที่เคยเป็น
ไฟล์หลักในฮาร์ดดิสก์เสียหายจนเปิดเครื่องไม่ได้ (บูทไม่ขึ้น)
การป้องกันไวรัสเบี้องต้น
ติดตั้งโปรแกรมป้องกัน สแกนและกำจัดไวรัส เช่น McAfee, Norton Antivirus, PC Cilin, Panda ฯลฯ
อัพเดทโปรแกรม http://www.judiciary.go.th/techno/antivirus.php ป้องกันเป็นประจำเพื่อให้โปรแกรมสามารถรู้จักและสกัดกั้นไวรัสพันธุ์ใหม่ได้
รันโปรแกรมเพื่อสแกนหาไวรัสทุกๆ 2-3 วัน หรือทุกๆ 7 วัน (เหมือนกับเราตรวจร่าวกายเป็นประจำ)
เมื่อได้รับไฟล์โปรแกรมหรือข้อมูลหรือแผ่นดิสก์มาจากใคร ให้ทำการสแกนหาไวรัสก่อน
เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ใดมาจากเวบไซท์แล้ว ให้สแกนก่อนติดตั้งหรือก่อนเปิดใช้งาน
ถ้าไม่แน่ใจ อย่าเปิดอีเมล์ที่ส่งมาจากคนที่เราไม่รู้จัก
ระวังไฟล์แนบที่มากับอีเมล์ และที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต ถ้าไม่แน่ใจอย่างเปิดไฟล์ขึ้นมาเด็ดขาด
สำรองเก็บข้อมูลเป็นประจำ เพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งไวรัสลงเครื่องจนทำให้ขอมูลเสียหายแล้ว เรายังมีข้อมูล
สำรองนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทำให้งานไม่สะดุดหรือเสียหาย (แนะนำให้สำรองข้อมูล โดยก๊อปปี้ลงHandy Diver หรือลงแผ่น CD-R or CD-RW จะดีกว่าแผ่นดิสก์ธรรมดา<3.5> เนื่องจากแผ่นดิสก์เก็บไว้นานๆ
บางที่ข้อมูลเสีย หรือบางที่แผ่นเกิดเสียเองโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็มี)
ระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอจะช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกโปรแกรมม้าโทรจัน หนอนไวรัส และแฮกเกอร์ โดยสรุปแล้ว ขั้นตอนคร่าวๆ
นำมาจากเว็บ
http://webhost.cpd.go.th/lampang/virus.htm
เรืองที่หน้าอ่านเมื่อผู้ใหญ่ รักเด็กไม่เป็น
หลายปีมาแล้ว มีเพื่อนคนนึงเปรยๆ ขึ้นมาว่า "คนกรุงเทพฯ ไม่รักเด็กเลย" ทั่วทั้งเมือง ที่ทางและกิจกรรมสำหรับเด็กๆ และเยาวชนในการวิ่งเล่น เรียนรู้ พัฒนาความคิด ทักษะ เพื่อจะเติบโตอย่างมีสุขภาพดีทั้งกาย ใจ และสติปัญญา มีน้อยกว่าน้อย ......อ่านต่อจากเว็บนี้
http://www.teenpath.net/sub/Content.asp?Sub=10&ID=00025
จากคุณวรานุช ชินวรโสภาค
แบบทดสอบต่างๆ
http://www.bcoms.net/test_online/index.asp
http://school.obec.go.th/cholprathan/home.htm
http://www.ttsoft-np.com/Tunya/Ex1.htm
http://202.143.139.227/~keekee/c1.htm
http://www.thaiall.com/cgi/quiz.pl?operatingsystem&5
http://www.prakan.ac.th/web-2549/web-it/test/te
http://www.thaiabc.com/quiz/test10.php?subj=computer1
st.htm
การพัฒนาของคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน
จากการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ เราแบ่งยุคของคอมพิวเตอร์จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งคอมพิวเตอร์เป็น 4 ยุค ดังนี้
1. ยุคที่ 1 ค.ศ. 1944 - 1958 เป็นยุคที่ใช้หลอดสูญญากาศ
2. ยุคที่ 2 ค.ศ. 1659 - 1964 เป็นยุคที่ใช้ทรานซิสเตอร์
3. ยุคที่ 3 ค.ศ. 1965 - 1970 เป็นยุคที่ใช้ระบบวงจร IC
4. ยุคที่ 4 ค.ศ. 1970 - ปัจจุบัน ซึ่งใช้ระบบ Large Scale Intergrarion (LSI) วงจรกึ่งตัวนำ
คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยในยุดคอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์ในปี พ.ศ. 2507 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเข้ามาใช้ในการศึกษา ในระยะเวลาเดียวกันสำนักงานสถิติแห่งชาติก็นำมาเพื่อใช้ในกรคำนวณสำมโนประชากร นับเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ในประเทศไทย คอมพิวเตอร์ยุคทรานซิสเตอร์นี้ หน่วยเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ได้รับารพัฒนาไปมากจนทำให้ระบบการเก็บข้อมูลในจานแม่เหล็กมีความจุได้สูงขึ้นมาก
การแบ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ตามขนาดในการใช้งาน
1. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เป็นเคร่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการคำนวณด้วยความเร็วสูง ใช้ในการสำรวจและวิจัยองค์การขนาดใหญ่ของรัฐบาล หรืองานระดับโลก เช่น งานสำรวจอวกาศขององค์ารนาซาร์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในระบบเครือข่ายขนาดใหญ่
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว เช่น องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการคำนวณ และควบคุมยานอวกาศต่าง ๆ ในยุคแรก และมีพัฒนาการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ คือ สามารถทำงานได้รวดเร็วหลายสิบล้านคำสั่งต่อวินาที จึงเหมาะกับการใช้งานในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ โดยเฉพาะงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมาก เช่น งานธนาคาร หรืองานของสำนักงานทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้
น
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
มินิคอมพิวเตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าไมโครคอมพิเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้มีใช้ตามสถานศึษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่งมินิคอมพิวเตอร์จึงเหมาะกับงานหลายประเภท เช่น วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจ นอกจากนี้ยังใช้ในหน่วยงานราชการอีกด้วย
4. ไมโครคอมพิวเตร์ (Microcomputer)
ไมโครคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและมีราคาค่อนข้างถูกคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ถูกเรียกว่า "ไมโครคอมพิวเตอร์" ที่ใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่อง Macintosh และกลุ่มเครื่อง PC
http://www.thaigoodview.com
ที่เที่วยในประเทศไทย
พระเจดีย์กลางน้ำ
อยู่ในวัดสมุทรคงคา (วัดปากน้ำ) ตั้งอยู่สุดถนนตากสินมหาราชแยกขวาเข้าถนนสมุทรคงคาห่างจากตัวเมืองไปทางใต้ 2 กิโลเมตร องค์พระเจดีย์ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง เป็นโบราณสถาน ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้าง องค์พระเจดีย์สูงประมาณ 10 เมตร ในสมัยที่ยังใช้เส้นทางคมนาคมทางน้ำ เจดีย์กลางน้ำเป็นสัญลักษณ์ของชาวเรือว่าได้เดินทางมาถึงเมืองระยองแล้ว ในวันเพ็ญเดือนสิบสองของทุกปี จะมีงานประเพณีสมโภชห่มผ้าพระเจดีย์ มีการแข่งเรือยาวและการละเล่นต่าง ๆ
สวนศรีเมือง
ชาวเมืองนิยมเรียกว่า “เกาะกลาง” ตั้งอยู่กลางเมืองด้านหลังศาลากลางจังหวัด เนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ เคยเป็นแดนสำหรับประหารนักโทษ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์ สวนสาธารณะ และสวนสุขภาพสำหรับประชาชน ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของหอพระพุทธอังคีรสซึ่งเป็นอาคารทรงไทย หลังคาจตุรมุข อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธอังคีรส ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของระยอง
หาดทรายทอง
อยู่ในเขตตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง ห่างจากตัวเมืองออกไป 12 กิโลเมตร แยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท ตรงกิโลเมตรที่ 207-208 เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร มีร้านอาหารทะเลริมหาด
สวนสน หรือ สวนรุกชาติเพ
อยู่ถัดจากบ้านเพ เป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองระยองประมาณ 29 กิโลเมตร ตามถนนเลียบชายหาดไปแหลมแม่พิมพ์ (ทางหลวงหมายเลข 3145) ชายทะเลช่วงนี้ร่มรื่นด้วยดงสน เป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อนเล่นน้ำ มีร้านอาหารและที่อาบน้ำบริการแก่นักท่องเที่ยว สวนสนอยู่ในความดูแลของกองบำรุง กรมป่าไม้
แนะนำที่เทีวยไม่ไก้ลไม่ไกล
http://www.tourthai.com/province/rayong/attraction_muang_thai.php
http://www.tat8.com/thai/ny/ny_place%20index.html
http://www.100ways.in.th/board/index.php?board=15
ความรู้การถ่ายภาพ
การถ่ายภาพเคลื่อนไหว
การถ่ายภาพเคลื่อนไหว หมายถึง การถ่ายภาพของวัตถุเคลื่อนไหว เช่น คนวิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือการแข่งกีฬาที่ต้องใช้ความเร็วต่างๆ การถ่ายภาพ
วัตถุที่เคลื่อนไหวดังกล่าว อาจทำได้ใน 3 ลักษณะ คือ
1. จับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้หยุดนิ่ง (Stop-action) การถ่ายลักษณะนี้ต้องตั้งความเร็วชัตเตอร์ให้สูง เช่น 1/250 , 1/500 , หรือ 1/1000 วินาที ตาม
ความเหมาะสมกับความเร็ววัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ เมื่อตั้งความเร็วชัตเตอร์สูงๆ จำเป็นต้องเปิดช่องรับแสงให้กว้างขึ้น เพื่อชดเชยให้แสงผ่านเข้าไปทำปฏิกริยากับฟิล์มให้
มากพอ
2. การถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวดูแล้วให้รู้สึกว่าเหมือนกำลังเคลื่อนไหว การถ่ายในลักษณะนี้ต้องตั้งความเร็วที่ช้าๆ เช่น 1/30 , 1/15 , หรือ 1/8 วินาที เป็นต้น
เมื่อตั้งความเร็วชัตเตอร์ช้า ก็ต้องเปิดช่องรับแสงให้เล็กลง ภาพที่ได้จะปรากฎว่าสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวจะดูพร่า ทำให้เห็นว่าวัตถุนั้นกำลังเคลื่อนที่ ส่วนวัตถุที่ที่อยู่นิ่งจะ
คมชัด และการถ่ายภาพลักษณะนี้ควรจับถือกล้องให้นิ่ง และมั่นคง ควรใช้ขาตั้งกล้องช่วยเพื่อไม่ให้ภาพสั่นไหว
3. การถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวให้เห็นวัตถุชัด ส่วนฉากหลังพร่ามัวเป็นทางยาว การถ่ายภาพในลักษณะนี้จะต้องผันกล้องตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว พร้อมๆ
กับกดไกชัตเตอร์ ความเร็วชัตเตอร์ควรตั้งให้ช้า เช่น 1/60 , 1/30 วินาทีหรือช้ากว่านี้ ขึ้นอยู่กับความเร็วของวัตุที่เคลื่อนที่ด้วย การปรับระยะชัดให้ปรับไปตรงจุดที่
วัตถุเคลื่อนที่ผ่าน
การถ่ายภาพเวลากลางคืน
ได้แก่การถ่ายภาพที่อาศัยแสงสว่างจากไฟฟ้าตามท้องถนน ป้ายนีออนโฆษณา น้ำพุ การยิงพุ ห้องโชว์สินค้า ไฟประดับในวันเฉลลิมฉลอง
ต่างๆ แสงไฟจากรถยนต์ แสงเทียน สายฟ้าแลบ ดวงจันทร์ และดวงดาวบนท้องฟ้า เป็นต้น
ความสวงามต่างๆที่เราสามารถมองเห็นได้ในเวลาค่ำคืนดังกล่าว เราสามารถบันทึกภาพที่งดงามเหล่านั้นด้วยกล้องถ่ายภาพได้เช่นเดียวกับการถ่ายภาพได้ในเวลากลาง
วัน แสงสว่างจากหลอดไฟต่างๆในเวลากลางคืนนั้นเราจะวัดแสงลำบากและไม่แน่นอนจึงควรใช้ประสบการณ์ที่ได้ทดลองถ่ายและจดบันทึกรายละเอียดไว้ในแต่ละครั้งมา
พิจารณา ปกติจะถ่ายภาพโดยตั้งความเร็วไว้ที่ B หรือ T แล้วนับเวลา (Time exposure) ใช้เวลาในการเปิดม่านชัตเตอร์ เป็นวินาทีหรือนาทีก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะ
และปริมาณของแสงในขณะที่ถ่ายภาพ
เนื่องจากต้องใช้เวลานานในการเปิดม่านชัตเตอร์ จึงจำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องเพื่อป้องกันกล้องเคลื่อนที่และสั่นไหว ขาตั้งกล้องควรเป็นชนิดที่แข็งแรง ส่วนเลนส์ที่ใช้
หากเป็นเลนส์ที่สามารถซูมภาพได้ ก็ยิ่งจะได้ภาพที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีก การเลือกใช้ฟิล์มควรเลือกใช้ที่ความไวแสงสูงๆ เช่น 200 ISO, 400 ISO เพื่อให้สามารถจับภาพ
เคลื่อนไหวได้ ส่วนภาพดวงจันทร์หรือดวงดาวควรเลือกใช้ฟิล์มที่ใช้กับแสงไฟทังสเตน จึงจะได้สีที่ถูกต้องยิ่งขึ้น
จากเว็บ
http://www.student.chula.ac.th/~46444141/index.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น